กันเกรา
ชื่ออื่นๆ: มันปลา (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ); ตราเตรา (เขมร); ปันปลา (กบินทร์); ตำเสา ทำเสา (ภาคใต้) มะซู, ตำมูวู (มาเลเซีย ภาคใต้)
ชื่อสามัญ: Buabua (Fiji Islands), Urung (Philippines), Temasuk (Sabah), Tatrao, Trai (Vietnam), Kan Krao (Thailand), Tembesu (Indonesia), Anan, Anama (Burma), Munpla (Thailand, Laos)
ชื่อวิทยาศาสตร์: Fagraea fragrans Roxb.
วงศ์: GENTIANACEAE หรือ LOGANIACEAE หรือ POTALIACEAE
ถิ่นกำเนิด: Burma to Indomalesia พบมากใน พม่า ลาว กัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย และนิวกินี ในประเทศไทยพบทั่วทุกภาค
ลักษณะทั่วไป: ไม้ต้นขนาดกลางถึงใหญ่ สูง 8 - 30 ม. ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม แผ่นใบรูปไข่ รูปขอบขนาน รูปไข่กลับ หรือรูปใบหอกกลับ ปลายใบแหลม โคนใบเรียวสอบหรือแหลม
ฤดูการออกดอก: พฤษภาคม – มิถุนายน ติดผล มิถุนายน – กรกฎาคม
เวลาที่ดอกหอม: ดอกหอมตอนกลางคืน
การขยายพันธุ์: เพาะเมล็ด
ข้อดีของพันธุ์ไม้: กันเกราขึ้นได้ดีในทุกสภาพภูมิประเทศ ชอบขึ้นในที่ที่มีความชุ่มชื้นมาก อุณหภูมิต่ำ มีความชื้นสัมพัทธ์มาก มีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 1,500 มม. ต่อปี สูงจากระดับน้ำทะเลไม่เกิน 100 ม. ลักษณะดินชอบขึ้นในดินที่สามารถเก็บความชุ่มชื้นได้ดี ดินต้องเป็นดินเหนียว หรือดินเหนียวปนทราย
ข้อมูลอื่นๆ: ประโยชน์ทางด้านสมุนไพร แก่น มีรสเฝื่อนฝาดขม ใช้เข้ายาบำรุงธาตุ แก้ไข้จับสั่น แก้ หืด ไอ ริดสีดวง ท้องมาร แน่นหน้าอก ลงท้องเป็นมูกเลือด แก้พิษฝีดาษ บำรุงม้าม แก้เลือดแก้ลมต่างๆ และเป็นยาอายุวัฒนะ เปลือก ใช้เข้ายาบำรุงโลหิต แก้ผิวหนังพุพอง ปวดแสบปวดร้อน